ประเภทของไมค์ ในการบันทึกเสียง
1. Microphone Types
Dynamic mic
ใช้ในงาน Live มีลักษณะเป็น Coil Microphone ที่ตัว diaphragm มีต่อขดลวดรอบแม่เหล็ก พอเสียงผ่านสั่นจึงเปลี่ยนคลื่นเป็นสัญญาณไฟฟ้า (Ribbon mic ก็คล้ายกันแต่จะใช้ อลูมิเนียมชิ้นเล็กหรือโลหะที่รับการสั่นได้แทน coil) พวกนี้ที่นิยมใน Studio คือ Shure SM57... โดยเฉพาะใช้อัดกลอง snare (มีเรื่องเล่าว่า Madonna ใช้ SM57 ในการอัด Like a virgin)
Condenser mic
ใช้แพร่หลายใน Studio แบ่งเป็นสองส่วนคือ ส่วน electric charge กับ ส่วน diaphragm ต่อส่วน amp เปลี่ยนความดันคลื่นเสียงส่งสัญญาณ มีความ sensitive สูง อาจ 20-20000 Hz มีความไวสูง
ไมค์ที่ประเภทแตกต่างกันก็ให้เสียงที่แตกต่างกัน เสียงใส ทึบ อุ่น มี powerful หรือ impactful แตกต่างกัน
2. Polar Patterns
Sensitive area around mic... = ความไวต่อเสียงในตำแหน่งบริเวณรอบไมค์
มุมที่รับเสียงได้เยอะเรียก on axis position มุมอื่นที่ไม่รับเสียง หรือรับได้น้อยเรียกว่าเป็น off axis position
- Cardioid Pattern มีการป้องกันเสียงด้านหลัง อาจด้วยวิธีทาง electronic หรือ physical barrier กันไว้ ใช้ทั่วไป อัดคนเดียว เพราะเสียงเน้นเข้าด้านเดียว
- Bipolar Pattern มีรับเสียงได้ 2 ด้านเท่ากัน ด้านข้างไม่รับ อาจใช้ในการร้องเพลง Duet
สองอันบนนี้เรียกว่า pressure gradient
- Omni Pattern รับสัญญาณเสียงทุกด้าน เป็น pressure sensitive ในแบบ Cardioid มี barrier ทำให้เสียง plosive เช่น p, b ลมไปติดที่บาเรีย ทำให้เกิดเสียง pop... ถ้าใช้ Omni ที่ปล่อยลมผ่านไปเลยจะไม่เกิดปัญหานี้
อาจมีผสมเป็น Hyper Cardioid, Super Cardioid
ส่วนที่ไม่ได้ยิน หรือได้ยินน้อยเรียกว่า null point ถ้าเลือกไมค์ได้ถูกต้องการใช้งานก็ดี ไมค์บางตัวสามารถปรับ patttern ได้
3. PreAmps/Mic-Line Level
ในการอัดเพลงมีตัวแปรมากมาย ที่ทำให้เสียงแตกต่างกันออกไป การลดตัวแปรเหล่านั้นให้น้อยลงทำให้ยิ่งเหมือน transparent จะยิ่งดี
ไมค์ต่างๆมีสัญญาณออกน้อยมาก จำเป็นต้องมี PreAmps... เพื่อเพิ่มระดับเสียง แล้วก็มี +4 db เป็น professional level... -10 db เป็น commercial level
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อย่าไปพึ่งอุปกรณ์เยอะมากมาย เพราะสิ่งที่จำเป็นในการ record จริง ๆ คือ การร้องของนักร้อง อุปกรณ์เป็นเพียงแค่สิ่งที่ควรแค่สื่อกลางไว้ให้เสียงผ่านไปเฉยๆเลย