อนาคตของ SEO

เนื้อหาจาก Course Search Engine Optimization (SEO) ของ University of California, Davis ใน Coursera.org

หัวข้อสำคัญ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ Google จะใช้ในการจัดอันดับ

Core Web Vitals

Google จัดอันดับจากประสบการณ์การเข้าใช้งานเว็บไซต์ (User Experience) ยิ่งเว็บไหนที่ทำให้ผู้ใช้มีประสบการณ์การใช้ที่ดี ก็ยิ่งดี

Real-World Experience Metrics (ตัวชี้วัดประสบการณ์การใช้งาน)

  • Page load time
  • Site stability
  • Site security (https)
  • Intrusive interstitials (pop-ups)

หากมีการใช้งาน Google Search Console แล้ว สามารถใช้งานใน Core Web Vital เพื่อดูเกณฑ์ต่าง ๆ ว่าต้องแก้ไขส่วนไหนได้ หรือสามารถใช้ Google Lighthouse ซึ่งเป็น Chrome extension ในการดูว่าประสิทธิภาพไหนที่บกพร่อง และดูวิธีการแก้ไขได้

EAT & YMYL

YMYL ย่อมาจาก Your money, your life จะส่งผล Effect กับหน้าเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับ สุขภาพ ความสุข ความปลอดภัย การเงิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกับชีวิตคน จะถูกจัดเป็น Y M Y L pages เช่น

  • เว็บที่มีการทำ transaction หรือจ่ายเงิน
  • Financial - เว็บแนะนำแนะนำ การลงทุน การเกษียณ วางแผนการเงิน ภาษี ฯลฯ
  • Legal - แนะนำเรื่องกฎหมาย การหย่า แต่งงาน ฯลฯ
  • Official information - กฎระเบียบ ภัยพิบัติ ราชการ รัฐบาล อะไรที่เป็นข่าวสารทางการ
  • อื่น ๆ เช่น การรับเลี้ยงบุตร ความปลอดภัยรถยนต์ การขับขี่

EAT ย่อมาจาก Expertise, Authority, Trust เป็นเกณฑ์ที่ใช้ดูความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

  • Expertise ผู้เขียนในเว็บไซต์เป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นจริงรึเปล่า เช่น เขียนบทความเรื่องสุขภาพ โดยแพทย์ก็จะมีความน่าเชื่อถือ แนวทางมีดังนี้
    • เขียนบทความที่มีคุณภาพ
    • มี About page ที่ให้ credit
    • มีหน้าลิงก์ผู้เขียนบทความ (Author bio pages)
    • การมีรีวิว มีผู้อื่นที่เขียนและพูดถึงเว็บไซต์จะช่วยเพิ่มความเชี่ยวชาญได้ด้วย
  • Authority เนื้อหาที่เขียนในเว็บ เป็นของเว็บหรือผู้เขียนคนนี้จริงมั้ย Google จะดูจากหลักฐานต่าง ๆ ว่าเว็บไซต์อื่น ๆ มีการพูดถึงเว็บเราแบบไหน มีแนวทางดังนี้
    • การที่มีลิงก์ หรือการกล่าวถึงจากเว็บไซต์อื่นต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บดัง ๆ เว็บข่าว เขียนถึงเว็บเรา
    • content และเว็บของเรามีการแชร์ต่อไปเรื่อย ๆ ยิ่งจำนวนมากยิ่งดี
    • มีการค้นหาแบรนด์เว็บไซต์เราจำนวนมาก
    • มี Wikipedia หรือเว็บไซต์ที่พูดถึงเกี่ยวกับเรา
  • Trust ความน่าเชื่อถือของเนื้อหาและเว็บไซต์ มีหลักฐานอ้างอิง มีการพิสูจน์ที่ถูกต้องหรือไม่ว่าเป็นแหล่งที่มาที่ถูกต้อง เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องและน่าเชื่อถือ มีแนวทางดังนี้
    • ข้อมูลติดต่อถูกต้องและชัดเจน
    • มี policies, term and conditions อะไรที่ชัดเจน
    • มี HTTPS
    • Google จะดูเพิ่มเติมหากมีการพูดคุยหรือกล่าวถึงเว็บไซต์ เช่น comment ว่าเป็นไปในเชิงบวก หรือเชิงลบ
    • ดูการรีวิว

สามารถดูรายละเอียด Guildline เพิ่มเติมในการเข้าเกณฑ์ E A T ได้ตามลิงก์นี้ Ultimate E-A-T Factor Checklist

Featured Snippets and Rich Snippets

เกิดจากที่ Google พยายามแก้ปัญหาให้ผู้ใช้งานให้ได้เร็วมากขึ้น ตอบคำถามที่ผู้ใช้ค้นหาให้เร็วมากขึ้น ในส่วนนี้อาจจะมีการเปลี่ยน Algorithm ในอนาคต

  • Featured Snippets
    • ขึ้นมาที่ Position 0 คืออันแรกของผลลัพธ์การค้นหา และคัดแสดงส่วนในหน้าเว็บที่เป็นคำตอบในการค้นหาออกมาให้ผู้ใช้งานเห็นเลยในทันที และยังสนับสนุน การค้นหาด้วยเสียง ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Google เช่น Google Home จะทำให้ Google สามารถตอบคำถามได้โดยไม่ต้องเข้าไปที่เว็บ
    • ข้อดี ดีต่อ brand หรือต้องการการค้นหาด้วยเสียง
    • ข้อเสีย อาจจะทำให้ผู้ใช้ได้คำตอบเลยโดยไม่เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์เต็ม ๆ ของเรา ทำให้เสียโอกาสในการจัดอันดับหน้าลิงก์เว็บปกติไปอีกด้วย
  • Rich Snippets or Results
    • ข้อแตกต่างคือจะเป็นคำตอบ ที่มีรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แก่ Star ratings, Data, และ Navigation ที่คลิกต่อได้ เช่นรายละเอียด เมนูอาหาร ขั้นตอนการทำ เวลาในการทำ rating ปริมาณแคลอรี่

ความสำคัญของ CTR (Clickthrough rate)

การที่คน Click เข้าเว็บเราจาก Google จะส่งผลสำคัญต่อสิ่งเหล่านี้

  1. Query Type ประเภทคำค้นของเว็บไซต์เรา
  2. Target audience behavior พฤติกรรมของคนเข้าชม
  3. Specific industry จำแนกประเภทของเว็บไซต์ว่าอยู๋ในหมวดไหน
  4. Type of featured snippet จำแนกประเภทของ featured snippet
  5. Position ตำแหน่งที่แสดงบน Google

ซึ่งการมี Snippet ทำให้คน CTR น้อยลง

ควรทำ Featured Snippet ดีมั้ย

ต้องดูว่าเป้าหมายของเว็บไซต์คืออะไร เพราะจะมีส่วนช่วยให้ชื่อเว็บไซต์ขึ้นไปอยู่ Position 0 ในส่วน Snippet ได้ หากต้องการสร้าง Brand ให้คนรู้จัก Brand หรือเป็นเว็บไซต์ที่ต้องการเผยแพร่ข่าวสารเช่น เว็บไซต์ทางการ ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าหากคาดหวังการเข้าเว็บไซต์ ก็อาจจะไม่เหมาะ

การทำ Snippet ต้องทำ Schema

เป็นการระบุโครงสร้างของข้อมูลใน Website ศึกษาได้จากเว็บ schema.org ซึ่งจะต้องนำมาปรับใช้กับ Code ในเว็บ และใช้ข้อมูล JSON หรือ Mark up ที่เหมาะกับเว็บไซต์