การจัดการ On-page SEO
เนื้อหาเรื่อง SEO จาก Course Google SEO Fundamentals ของ University of California, Davis ใน Coursera.org
3 Keys สำหรับ SEO
- On-page Optimization จัดการเกี่ยวกับ Page เนื้อหา เว็บไซต์ โฟกัสบนเนื้อหา หรือ Code บนหน้าเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา keyword และ Meta data
- Technical Optimization เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ในเชิงเทคนิค ไมว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว เรื่อง Code ต่าง ๆ Error ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น การใช้งานได้บนมือถือ เป็นต้น
- Off-site Optimization สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเว็บไซต์ เช่น link หรือ back link ที่เชื่อมมายังเว็บ การ Refer การอ้างอิงต่าง ๆ บน Social Network
ซึ่งในหัวข้อนี้เราจะมาดูกันเรื่อง On-page SEO กันครับ
On-page SEO
Meta Data and Meta Tags
คือ Code HTML ข้อมูลเพื่อบอก Search Engine ว่าส่วนไหนคืออะไร มีหลัก ๆ ดังนี้
Title tag
คือ code ส่วน <title></title> มีไว้แสดงชื่อของหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ซึ่งจะโชว์เป็นชื่อบน Search Engine ด้วย มีส่วนในการจัดอันดับ
- ควรบ่งบอกชัดเจนถึง Key หลักของเนื้อหา ไม่เขียนยาวเกินไป มีแต่คำสำคัญ ถ้ามี Keywords ใน Title ควรไม่เกิน 2 Keywords
- ควรมี Keywords สำคัญขึ้นต้น
- ควรมี Brand ของเว็บ เช่น ชื่อเว็บ หรือชื่อ Brand ผลิตภัณฑ์ ถ้า Brand ดังคนรู้จัก ควรเอาไว้ขึ้นต้นก่อนหัวข้อ เพราะคนจะ Click เข้า Brand ที่น่าเชื่อถือก่อน แต่ถ้า Brand ไม่ดังนัก ก็ไปต่อท้ายหัวข้อ
- แบ่งระหว่างส่วนหัวข้อหน้าเว็บ กับ Brand ด้วย - หรือ |
- Title Tag ไม่ควร เกิน 55 ตัวอักษร เพราะจะโดนตัดทิ้งในผลลัพธ์ของ Google
Meta Description
คือ code ส่วน <meta name ="description" content="...." />
ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดอันดับ แต่จะอยู่ในส่วนผลลัพธ์การค้นหาของ Google ที่จะช่วยให้คนเห็นแล้วเข้ามา ดังนั้นควรเขียนให้สอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บไซต์ ในผลการค้นหาในส่วนนี้จะ มีการ Bold หรือ ทำตัวหนา ที่คำค้นที่ปรากฎบน Description อีกด้วย
ดังนั้นจึงควรเขียนให้
- น่าสนใจ เพื่อดึงความสนใจให้คน click เข้ามาอ่าน
- ใส่ Keywords และ คำใกล้เคียงกับ Keywords ของเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มโอกาสที่ Google จะทำตัวหนาจากคำค้น เช่น คำว่า Course, Class, Learning ที่เป็นคำที่ใช้แทนกันได้ คนค้นหาอาจจะค้นด้วยคำเหล่านี้
- ไม่เกิน 160 ตัวอักษร แต่ไม่ควรสั้นไปเพราะสั้นไปคนจะไม่สนใจ Click
- มีคำ Call to action เช่นกิริยาต่าง ๆ ให้คนเข้ามาอ่าน เช่น "ศึกษาเพิ่มเติม" หรือคำชักชวนอื่น ๆ ให้คนเข้าไปอ่านเว็บไซต์
Meta keywords
ปัจจุบัน Search Engines ไม่ได้สนใจส่วนนี้ในการจัดอันดับแล้ว จะเหลือใช้แต่ส่วนของ Baidu ซึ่งเป็นภาษาจีน
URL
link เว็บไซต์ ก็มีส่วนในการจัดอันดับ
- ควรมี Keyword ใน URL แต่อย่าใส่มากเกินไป
- การ Optimize URL ควรทำตั้งแต่เริ่มเหน้าเว็บนั้น ไม่ควรเปลี่ยนแปลงทีหลัง เนื่องจากว่า Search Engine ได้เก็บประวัติของ URL นั้นไปแล้ว หากเปลี่ยนทีหลังจะเป็นการเริ่มประวัติใหม่ ดังนั้นควรออกแบบวางแผนไว้ตั้งแต่ตอนเริ่ม
Heading Tags
เป็นลักษณะ tags ของหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น <h1> <h2> <h3>... ซึ่ง Search Engine จะใช้ในการตัดสินใจในการแบ่งส่วนเนื้อหา และลักษณะของเนื้อหา
ซึ่งใน SEO จะ Focus ที่ h1 และ h2
- H1 ควรมี 1 tag ต่อหน้า
- H2 ตามที่ต้องการ
- การมี Heading มากเกินไป จะโดนมองว่าเป็นเว็บ Spam ได้
- ปกติส่วนใหญ่เว็บไซต์มักใช้ H1 เป็นชื่อเว็บ และ H2 เป็นเมนู ควรเปลี่ยน tag เป็นอย่างอื่นแทน
Content เนื้อหา
นอกจากเรื่อง meta tags ต่าง ๆ แล้วส่วนสำคัญที่สุดบนหน้าเว็บ หรือ On-page SEO คือ เนื้อหา การเขียนเนื้อหาให้ดี มีคุณภาพ จะทำให้ Search Engine จัดอันดับเราได้ดีขึ้น และยิ่งปัจจุบันที่ Algorithm ของ Google ยิ่งมีความสามารถในการอ่านและเข้าใจได้เหมือนมนุษย์มากขึ้น ดังนั้น การเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพจีงเป็นสิ่งสำคัญ
- Keywords ในเนื้อหา ควรใส่ Keywords ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ใช้คำใกล้เคียง ไม่ใช้คำซ้ำเยอะ ๆ จนเกินไป
- ทุกหน้าควรมีความแตกต่าง เพื่อไม่ให้ Search Engine มองว่าเป็นการ Copy
- เนื้อหาต้องสอดคล้องกับ Theme เว็บไซต์ หรือสอดคล้องกับ หัวข้อ Title หรือ Heading ต่าง ๆ ที่ใส่ไว้
- แบ่ง Subdirectories URL ให้ถูกต้อง หรือแบ่ง Categories ให้ดี ถูกเรื่อง ถูกเนื้อหา
- เนื้อไม่ซ้ำใคร ไม่ลอกใครมา
- มีการอ้างอิง มีการ Quote ได้ และยิ่งมี Link กลับไปยังแหล่งอ้างอิงก็จะยิ่งดี
- ไม่ Copy เนื้อหาในเว็บตัวเอง แล้วไว้ในหลาย ๆ หน้า เพราะจะมีการแย่งอันดับกันเองระหว่างสองหน้านั้น
- สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า และมีข้อมูลใหม่ ๆ ที่เกิดประโยชน์กับคนเข้ามารับชม อาจใช้เทคนิค EAT & YMYL ในหัวข้อที่เคยเขียนไปแล้วได้ครับ
- เพิ่มรูป เพิ่มวีดีโอประกอบ
ซึ่งในปัจจุบัน หากเขียนเนื้อหาให้ดี มีคุณค่า เสริมด้วย Meta tag ต่าง ๆ ก็จะสามารถช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ติดอันดับได้
ปล. หากต้องการดูรายละเอียดความครบถ้วนของ tag หรือ keyword ต่าง ๆ เหมือนกับที่ Google bots มาดูเว็บเรา สามารถใช้โปรแกรม Screaming Frog SEO spider ในการดูเว็บไซต์เราได้