การมิกซ์ตำแหน่งเสียงร้อง

การมิกซ์ตำแหน่งของเสียงร้อง หรือ Artificial Mix Placement for Vocals

ทำไมถึงไม่ทำแค่ Natural (อัดปกติ ใช้เสียงร้องหลายเสียง) ทำไมต้อง Artificial (การมิกซ์ผ่านคอม ปลอมแปลงขึ้นมา) เพราะในกรณีที่นักร้องไม่อยู่ มีอัดเสียงไว้เสียงเดียว เราจะทำยังไงให้กว้าง หนา ก้อง ซึ่งต้องใช้ Artificial Mix นี่เอง

1. Time Based Effect

คือ Effect ที่จัดการเรื่องตำแหน่งเวลาของเสียง เช่น Delay, Reverb

สิ่งสำคัญที่ Professional ทำคือ จะไม่ใช้แค่ Wet/dry ใน track เดียว แต่จะ send ไปอีก track เนื่องด้วยจะได้ไม่ต้องไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน track เสียงหลัก และสามารถเพิ่มลด effect ใน FX track ได้อย่างไม่มีปัญหา และรบกวน Original Track

ในตัวอย่าง มี 8 tracks เสียงร้อง "วิธีที่มีประสิทธิภาพ"คือ ส่ง 8 tracks ออก Aux track (หรือ Group) แล้ว Send ไปยัง FX Track Reverb ที่ตั้งไว้ 100%wet

โดยจะทำให้สามารถปรับ ค่า send ไปยัง reverb ของเสียงทั้งหมดเท่ากัน ซึ่งจะทำให้เป็นแบบ Parallel

ในตัวอย่างยังมีแทรกการ send ไปยัง Delay เพิ่มเติมไปด้วย (การทำให้ Delay เฉพาะคำท้ายของวรรค ใช้การปรับค่า Send ขึ้นเฉพาะท้ายวรรค ใช้ automation)

2. Artificial Widening

จะไม่เหมือน Doubling แต่จะเป็นการใช้เสียงเดิม แต่อีก track ทำการเลื่อนไปอีกนิดหน่อย เช่น 1 ms จะทำให้เกิดเสียงแปลกๆเป็น Comb Filter (ไว้ตรงกลาง)...

แต่ถ้าเราเอาแต่ละ Track ไว้คนละข้าง จะทำให้เกิด Artificial Widening ซึ่งสมองเราจะแยกไม่ออกว่าเสียงเวลาต่างกัน (1ms - 30 ms) จะทำให้เกิดความกว้างขึ้น

ตัวอย่าง ใช้ Track เสียงที่ต้องการส่ง Group แล้ว Send ไปยัง Effect Delay ปรับไม่เกิด 30ms โดยใช้การลองปรับดู โดย Original จะ Pan ไปข้างนึง แล้ว FX Delay Track อีกด้านนึง ลองเล่นแล้วค่อยๆเพิ่มค่า Send จน โอเค

3. Artificial Doubling Overview

ใช้การ Delay เกิน 30ms ไปจนถึง 60 ms ถ้าไว้ Pan คนละข้างจะรู้สึกถึงความเป็น Ping-Pong ไปมา แต่ถ้าไว้ "ตรงกลาง"(Double ต้องไว้ตรงกลางทั้งคู่) จะได้เสียงที่ซ้อนๆ ประหลาดๆ ซึ่งถ้าทำให้เสียงดัง เบา ต่างกัน ให้เสียงร้องหลักเด่นขึ้นมา ส่ง Send ไปยัง Delay เบาลงหน่อย ก็จะได้ Artificial Doubling ซึ่งสามารถใช้ในการ enhance ส่วนที่ต้องการ หรือ Chorus ได้ ทำให้เสียง Full

แนะนำให้ใช้ Natural Double

4. Slapback

ใช้มากใน Rock ยุคเก่า Elvis, John Lennon และอีกมากมาย

คือเหมือน Double อยู่ตรงกลาง แต่ให้ Delay เกิน 60 ไปถึง 100 ms (ถ้าแยก pan จะ delay เยอะไปจนรู้สึกว่าเป็นคนละเสียงกัน มีประโยชน์ถ้าจะเอาไปทำ effect แปลกๆ)

5. Echo

Echo เป็นอีก effect ที่สามารถทำให้เสียงเราอยู่ตรงจังหวะเพลงได้

ระยะเวลา Quarter Note (ms) = 60000/tempo

ใช้ Delay ส่งค่าเป็นจังหวะ Quarter, Eighth, sixteenth note ทำให้เป็น Echo โดยที่เหมาะสมคือให้ Echo ตอนจบวรรค โดยการใช้ automation ในการส่งให้ส่งเฉพาะตอนท้ายวรรค (ส่วนใหญ่จังหวะใน Delay เปลี่ยนตามจังหวะที่ set ใน DAW ได้)

6. Mono and Stereo Delay

ทำยังไงให้ Delay เป็น Stereo Delay ... รับรู้ถึง Delay จากซ้ายและขวา ความกว้าง

พูดง่ายๆก็คือ Delay เหมือน Echo ไว้ทั้งทางซ้ายทั้งขวา เช่น Delay ไปทางซ้าย 500 ms ทางขวา 500 ms แล้วทำเหมือน widening ให้ซ้ายขวาต่างกัน 1ms แต่ < 30ms เช่น 501,500 ms ก็จะเกิด Delay

ในตัวอย่างใช้ Send ไป FX Stereo track ที่เป็น stereo delay (pan ซ้ายขวาสุด) แล้วปรับให้ delay 2 ด้านต่างกันแบบ widening โดยในตัวอย่างมีการใช้ Groove ที่มีอยู่ใน Delay คือ บวกลบ % ที่จะให้ต่างกันเข้าไป แทนการเซ็ต delay time ให้ต่างกันเอง

7. Reverb

คือเสียงที่สะท้อนไปมาบนห้อง หรือสภาพแวดล้อม มีสิ่งที่ใช้เรียก เรียกว่า RT60 หรือก็คือ ระยะเวลาที่เสียงจะสะท้อนลดลงไป 60db

เป็นสิ่งที่มักจะใช้เกินความจำเป็น ซึ่งไม่เสียหาย แต่ก็มีการลดหลั่นเรื่องของการออกเสียงต่างๆให้ชัดน้อยลงด้วย

ควรใช้ reverb set ให้พอดีกับจังหวะเพื่อใช้ควบคุมให้ลากยาวเพียงพอ เช่น ต้องการให้ Snare ก้องไปอีก 1 ลูก snare ก็ต้องปรับให้ Decay Time (Reverb time หรือ RT60) เป็นเท่าจำนวน beat ที่ต่างกันของ snare พอดี รวมถึง pre-delay ซึ่งจะทำให้เสียง original ออกมาก่อน reverb ก็ควรจะเซต time ให้ตรงกับจังหวะเพลง

ซึ่ง pre-delay ช่วยให้การออกเสียงต่างๆ articulation หรือ consonant ไม่โดน reverb กลบ

8. Additional Effects

พวกนี้ใช้ Delay และมี LFO (Low Frequency Oscillator) ในการเปลี่ยน Delay Time

Flanging  เปลี่ยน delay ไปมาระหว่างประมาณ 3ms - 10ms ทำให้ pitch ขึ้นลง...โดย Flanger จะใช้ LFOมี cyclic movement ประมาณ 5-25 ms

Chorusing ได้เหมือนประมาณ double จัดการที่ time displacement

Phaser คือทำให้ phase ต่างกันโดยใช้ LFO เปลี่ยนไปมา มี cyclic 1-5 ms

ใช้ในการ Hilight ในบางส่วนของเพลง

Phaser คือทำให้ phase ต่างกันโดยใช้ LFO เปลี่ยนไปมา